เส้นทางท่องเที่ยวเพื่อพบกับความลึกลับและพลังแห่งธรรมชาติ (2 คืน 3 วัน)

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

เป็นจุดแวะพัก Michi-no-Eki ขนาดใหญ่ที่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีสินค้าท้องถิ่น ของฝากของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย มีข้อมูลการท่องเที่ยว และมีร้านอาหารไว้บริการแล้ว ยังมีออนเซ็น และหอชมวิว เป็นต้น ไว้บริการด้วย ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถชมทิวทัศน์ของภูเขาโจไค ทะเลญี่ปุ่น และคาบสมุทรโอกะได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงยามเย็น จะสามารถเห็นทิวทัศน์สวยงามของพระอาทิตย์ตก ที่ย้อมสีสรรท้องฟ้าและน้ำทะเลเป็นสีส้มไปทั่ว นอกจากนี้ยังมีบริการแนะนำคือ “บ่อแช่เท้า” ซึ่งสามารถแช่เท้าสูงขึ้นมาถึงเข่าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

See the information

“น้ำตกโมโตทาคิฟุคุริวซุย” เป็นน้ำตกที่เกิดจากน้ำผุดตามธรรมชาติไหลผ่านหินผาของภูเขาโจไคและตกลงมาเบื้องล่างจากความสูง 5 ม. บริเวณรอบๆ จะปกคลุมไปด้วยหมอก และมีน้ำสีขาวไหลออกมาจากช่องหิน เป็นภาพสวยงามราวกับทิวทัศน์ในภาพวาด บริเวณแอ่งน้ำตกเป็นที่อาศัยของปลาแม่น้ำต่างๆ เช่น ปลาอิวานะ ปลายามาเมะ และปลาซันโชอุโอะ เป็นต้น เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศเย็นสบายและชวนให้ผ่อนคลาย ช่วงฤดูหนาวสามารถขึ้นเขาได้โดยต้องมีไกด์นำทางเท่านั้น เดินจากลานจอดรถใช้เวลาประมาณ 10 นาที

See the information

เป็นต้นบีชรูปร่างแปลกขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งกล่าวกันว่ามีอายุกว่า 300 ปี มีขนาดใหญ่มากด้วยขนาดลำต้นวัดรอบ 7.62 ม.และสูง 25 ม. จนถูกขนานนามว่าเป็น “ไดโอ” (ราชาผู้ยิ่งใหญ่) ป่าธรรมชาติโจไคที่ต้นไม้ต้นนี้อยู่ เป็นป่าที่จะถูกตัดไปใช้เป็นถ่านไม้ไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะถูกตัดไว้บนพื้นหิมะที่ทับถม เมื่อรอยตัดของต้นไม้หายดีแล้ว จะกลายเป็นรอยตัดด้านๆ จนทำให้ต้นไม้มีรูปร่างแปลกตาอย่างทุกวันนี้ ซึ่งป่าต้นบีชรูปร่างประหลาดนี้ก็ให้บรรยากาศที่ลึกลับน่าค้นหาไปอีกแบบเดินจากลานจอดรถใช้เวลาประมาณ 45 นาที 

เป็นฟาร์มบนที่ราบสูงที่เลี้ยงโคนม เช่น โคพันธุ์เจอร์ซี่เอาไว้มากมาย คุณสามารถดื่มด่ำกับเสน่ห์ของฟาร์มโค ทั้งสัมผัสกับโคแสนน่ารักอย่างใกล้ชิด และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมโครีดสดใหม่ นอกจากนี้ยังมีกระท่อมริมทะเลสาบพร้อมทิวทัศน์สวยงามให้ใช้เวลาผ่อนคลายอย่างเป็นส่วนตัว และมีโรงงานให้ได้ทดลองประสบการณ์ทำเนยและไอศกรีมในโรงงานนมโคอีกด้วย บริเวณใกล้เคียงมี “โคโดโมะโนะคุนิ” ซึ่งสามารถสนุกกับรถโกคาร์ท และการตีกอล์ฟสนามเล็กๆ ที่สามารถเข้าไปเล่นในที่ราบสูงกว้างๆ ได้อย่างเต็มที่

See the information

โรงแรม Hotel Foresta Chokai ที่อยู่เชิงเขาโจไคนี้เป็นรีสอร์ทธรรมชาติยอดนิยมที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว ที่มีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และห้องจัดเลี้ยงครบครัน ห้องพักทุกห้องของที่นี่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาโจไคได้ทั้งหมด เรียกว่าเป็นโรงแรมทำเลทองทีเดียว ที่ร้านอาหารของโรงแรม ตอนกลางคืนจะมีไฟส่องที่ป่าต้นบีชให้บรรยากาศที่โรแมนติกมาก บ่อออนเซ็นร้อนๆ มีน้ำแร่คุณสมบัติเฉพาะไม่เหมือนใคร ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและดีต่อผิวพรรณ สามารถแช่ออนเซ็นแบบรายวันได้

See the information

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

เส้น “อาคิตะอุด้ง” ของดังของอาคิตะ มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยซามุไร คือเมื่อราว 350 ปีก่อน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากการทำแป้งสาลีท้องถิ่นมาใช้ทำเส้นแห้ง ได้ออกมาเป็นเส้นที่นุ่มลื่น ทานได้คล่องคอ จนเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันมาก จนปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันไปทั่วญี่ปุ่น และที่ร้านซาโตโยสุเกะ โซฮงเท็นนี้ก็มีวิธีการทำเส้นอาคิตะอุด้งที่สืบทอดมายาวนาน ซึ่งสามารถเข้าชมการทำเส้นในโรงงานและทดลองการปรุงได้

See the information

เนื่องจากเป็นถนนไม่มีทางเท้าซึ่งต้องขับผ่านบ้านเรือนของชาวเมืองระแวกนั้น จึงต้องระวังไม่ขับรถเร็วเกินไป

เป็นช่องเขาที่ผ่านการกัดเซาะของกระแสน้ำเชี่ยวนานหลายปี ที่ช่องเขารูปตัววีซึ่งมีความสูงต่างกันถึง 60 ม. นี้มีบ่อน้ำแร่ออนเซ็นสีขาวผุดขึ้นมา เมื่อเดินลงบันไดไปตามทางเดิน จะพบกับน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ “ไดฟุนโต” ที่มีความเฉพาะตัวซึ่งสามารถมองเห็นได้จากระยะใกล้ ภาพบรรยากาศของน้ำพุร้อนที่มีน้ำร้อนและไอน้ำร้อนพวยพุ่งขึ้นมาอย่างแรงพร้อมเสียงดังกังวาน ดูราวกับภาพของผิวโลกกำลังหายใจอยู่ และทิวทัศน์สวยงามของที่นี่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีต้นไม้เขียวขจี ช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้จะเปลี่ยนสี และมีหิมะปกคลุมในฤดูหนาวให้บรรยากาศของภูเขาที่ต่างกันออกไป ตลอดแนวช่องเขาจะมีที่พักออกเซ็นเรียงรายกัน 11 แห่ง เป็นออนเซ็นเก่าแก่มีประวัติยาวนานเริ่มเปิดให้บริการเมื่อราว 400 ปีก่อน โดยเริ่มต้นจากตำนานนกกระเรียนญี่ปุ่นที่บาดเจ็บและมารักษาบาดแผลที่ขาที่บ่อน้ำร้อนที่นี่ หากได้มาลองแช่ออนเซ็นที่นี้ให้ผ่อนคลายพร้อมชมความงามของทิวทัศน์ธรรมชาติในช่องเขาโอยาสุเคียวแล้วรับรองว่าคุณต้องติดใจอย่างแน่นอน

ทางหลวงหมายเลข 51 จากช่องเขาโอยาสุเคียวไปยังน้ำตกคาวาระเกะโอยุทาคิอาจปิดเส้นทางในช่วงฤดูหนาว กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนการเดินทาง

เป็นน้ำตกที่แปลกและหายากของญี่ปุ่นที่มีน้ำแร่ออนเซ็นที่ตกลงมาอย่างแรงจากความสูงราว 20 ม. น้ำแร่ออนเซ็นที่ผุดขึ้นมาไหลมาผสมกับแอ่งน้ำตกที่ต้นน้ำ ทำให้ธารน้ำตกและธารน้ำในช่องเขาทั้งหมดเป็นเหมือนบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นคุ้นเคยกันดีและนิยมมาแวะผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินป่า ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสำหรับลงแช่น้ำคือตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ค. ถึงกลางเดือนก.ย. ซึ่งจะมีห้องเปลี่ยนเสื้อไว้บริการ จึงสามารถเปลี่ยนชุดว่ายน้ำลงแช่น้ำได้
・เดินจากลานจอดรถใช้เวลาประมาณ 15 นาที
・ปิดถนนช่วงต้นเดือนพ.ย. ถึงต้นเดือนพ.ค.

See the information

รีสอร์ทออนเซ็นอาคิโนะมิยะ เป็นออนเซ็นเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดอาคิตะซึ่งถูกค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณเมื่อราว 1,200 ปีก่อน ภายในมีโรงแรมออนเซ็นที่มีแหล่งน้ำแร่แตกต่างกัน 7 แห่ง ถือเป็นพื้นที่ที่มีความหรูหราและมีบรรยากาศสงบเงียบ จึงเป็นออนเซ็นที่เป็นที่ชื่นชอบของนักเขียนชื่อดังในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น แวดล้อมไปด้วยภูเขาสวยงาม แช่ออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมกับฟังเสียงสายน้ำไหลของแม่น้ำอารายุช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

See the information

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

บริเวณใกล้ๆ กับโรคุโกยูซุยกุนมีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงควรขับรถอย่างระมัดระวัง

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวครบวงจรที่นำโรงกลั่นสุรา “คุนิโนะโฮมาเระ” เก่าซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีเมจิที่ 30 มาปรับปรุงใหม่ โดยมีคอนเซ็ปต์คือน้ำและสุรา ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองมิซาโตะโจ ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ฮอลล์เอกประสงค์  และพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น สามารถใช้เป็นสถานที่เพื่อแสวงหาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ “โรคุโกยูซุยกุน” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในที่สุดแหล่งน้ำ 100 อันดับของญี่ปุ่น หรือจะมาแวะพักระหว่างการเดินเที่ยววัดต่างๆ 10 แห่งในเขตโรคุโกก็สามารถมาใช้บริการได้สะดวก อุณหภูมิของน้ำที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี เป็นแหล่งน้ำผุดธรรมชาติใสสะอาดที่มี “ปลาอิบาระโทมิโยะ” (Pungitius pungitius) ปลาน้ำจืดที่ยังคงหลงเหลือมาจากยุดน้ำแข็งอาศัยอยู่ ซึ่งสามารถเดิมชมทัศนศึกษาได้อย่างอิสระได้ที่ “มิสุบุงคัง มิสุโนะกาคุชูคัง” ภายในอาคาร ส่วนที่ “มิซาโตะยะ” คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าเกษตร สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น และของฝากของที่ระลึกต่างๆ ได้ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิเทโคะไซเดอร์ที่ทำจากน้ำรสชาติเยี่ยมของที่นี่ โดนัทโอคาระ และไอศกรีมเจลาโต้แบบฉบับเฉพาะของที่นี่ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรสชาติเป็นของขึ้นชื่อยอดฮิตของที่นี่

See the information

ทะเลสาบทาซาวะมีความลึก 423.4 ม. ถือเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของญี่ปุ่น และด้วยความลึกนี้เอง จึงทำให้ทะเลสาบไม่เป็นน้ำแข็งแม้ในช่วงฤดูหนาวและน้ำในทะเลสาบก็ยังคงมีสีน้ำเงินเข้มสวยงามเป็นภาพทิวทัศน์ที่ดูลึกลับน่าค้นหา ที่นี่นอกจากคุณจะสามารถเที่ยวสำรวจทะเลสาบด้วยเรือท่องเที่ยวแล้ว บริเวณรอบๆ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายไว้บริการอย่างครบครับ ไม่ว่าจะเป็น”พิพิธภัณฑ์ปลาแซลมอนคุนิมาสึ” ที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับปลาสายพันธุ์เฉพาะของทะเลสาบทาซาวะ “อนุสรณ์โรงเรียนคาตะบุนโค” ซึ่งเป็นอาคารโรงเรียนที่ปิดทำการไปแล้วและเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชม และเรสต์เฮ้าท์ เป็นต้น นอกจากนี้ที่ทะเลสาบนี้ยังมีบริเวณพื้นที่น้ำตื้นและน้ำใสมาก เป็นชายหาดว่ายน้ำที่มีทรายสีขาวสวยงามซึ่งเปิดให้บริการช่วงฤดูร้อน  

See the information

ช่องเขาดาคิกาเอริเคโคคุมีน้ำตกที่ไหลผ่านหินผาและป่าไม้โบราณสองฝั่ง และธารน้ำในช่องเขาสีฟ้าใสสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เป็นสถานที่ชมใบไม้แรกผลิสีเขียวและใบไม้เปลี่ยนสีอันโด่งดัง มีทางเดินสร้างไว้บริการเรียบร้อยเป็นระเบียบเลียบแม่น้ำมีความยาวเดิน 1 เที่ยวประมาณ 30 นาที ซึ่งสามารถชมหินผารูปร่างแปลกตา ธารน้ำไหลเชี่ยว และน้ำตกน้อยใหญ่ได้ และที่พลาดไม่ได้คือทิวทัศน์บนสะพานแขวนสีแดงที่มีชื่อเสียง จุดหมายการเดินทางคือ “น้ำตกมิคาเอริโนะทาคิ” ซึ่งเป็นน้ำตกสวยงามควรค่าแก่การเดินทางไปชม ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสำหรับชมต้นไม้เขียวขจีคือช่วงกลางเดือนมิ.ย. – ปลายเดือนส.ค. และช่วงต้นเดือนต.ค.-ต้นเดือนพ.ย.เป็นช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเทศกาล และกิจกรรมจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ เป็นช่วงที่จะมีบรรยากาศคึกคักไปด้วยผู้คน 

See the information

ถนนคาคุโนดาเตะ บุเคยาชิคิ ที่เรียกกันว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต” เป็นถนนมีคฤหาสน์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีซามุไรอาศัยอยู่เรียงราย และเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เป็นจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งจะสามารถสัมผัสกับความแตกต่างของทั้งสี่ฤดูได้ เป็นภาพทิวทัศน์ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่งดงามยิ่ง ในพื้นที่รัศมีเพียง 2 กม. ของคาคุโนดาเตะนี้อัดแน่นไปด้วยอาคารโบราณ และมีทั้งบ้านของนักรบเก่าแก่ที่อยู่ใกล้กับถนนนี้ คือ “บ้านตระกูลอาโอยางิ” และ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิระฟุคุ” ซึ่งผสมผสานบ้านนักรบโบราณกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะได้อย่างลงตัว

See the information

สนามบินอาคิตะที่เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางนี้มีทั้งร้านขายของฝากของที่ระลึกและร้านอาหารครบครัน มีทั้งขนมญี่ปุ่นชื่อดัง และสินค้าเฉพาะของท้องถิ่นก็มีให้เลือกซื้อมากมายให้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายซื้อของได้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นอุด้งของอาคิตะที่เรียกว่า “อินานิวะอุด้ง” หรือ “โมโรโคชิ” ขนมของดังประจำอาคิตะ และสินค้าเกี่ยวกับนามาฮาเกะ และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ลืมซื้ออะไรกลับไป แนะนำให้ลองแวะไปดูร้านค้าที่นี่อีกรอบก่อนเดินทางกลับ และภายในสนามบินยังมีบริการ Wi-Fi ให้ใช้ฟรีอีกด้วย คุณจึงสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานที่ที่จะเดินทางต่อไปหรือข้อมูลต่างๆ ที่สนใจได้อีกด้วย

See the information