เส้นทางท่องเที่ยวชมซากุระและสถานที่เที่ยวชื่อดังของอาคิตะ (3 คืน 4 วัน)

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

เป็น Michi-no-Eki ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่เพียงแค่ในจังหวัดอาคิตะเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมมากในภูมิภาคโทโฮคุด้วย  มีหอชมวิวสูง 100 ม. จากพื้นดินซึ่งสามารถขึ้นไปใช้บริการได้ฟรี ทิวทัศน์ที่มองลงมาจากบนหอชมวิวนั้นสามารถมองเห็นได้ไกลถึงทะเลญี่ปุ่นและแนวภูเขาต่างๆ ของคาบสมุทรโอกะ เช่น ภูเขาคัมปูซัน เป็นต้น และยังมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองอาคิตะได้รอบอีกด้วย ที่ชั้น 1 ของอาคารจำหน่ายสินค้ามีสินค้าขึ้นชื่อของอาคิตะที่สามารถเลือกซื้อเป็นของฝากได้ ทั้งคิริทัมโปะ และเส้นอาคิตะอุด้ง นอกจากนี้ยังมีเหล้าญี่ปุ่นของโรงกลั่นเหล้าสาเกที่ต่างๆ และของฝากของจังหวัดอาคิตะอื่นๆ วางจำหน่ายครบครัน นอกจากสินค้าให้เลือกซื้อแล้วยังมีร้านอาหารของเกษตรกรที่โด่งดังเรื่องอาหารที่ใช้ผักตามฤดูกาลเป็นวัตถุดิบ มีร้านคาเฟ่บนหอชมวิวสูง 94 ม. มีร้านไอศกรีมบาบาเฮระของขึ้นชื่อแห่งอาคิตะ รวมทั้งเครื่องจำหน่ายอุด้งอัตโนมัติที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงด้วย เรียกว่าเป็นสถานที่ซึ่งคุณสามารถใช้เวลากับการชมทิวทัศน์ การเลือกซื้อของ และลิ้มรสอาหารได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

See the information

เป็นศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวที่มี “นามาฮาเกะ” เทพไรโฮจินที่ขึ้นทะเบียนเป็นเทศกาลขนบประเพณีโบราณของอาคิตะเป็นสัญลักษณ์ ตั้งอยู่ที่บริเวณทางเข้าคาบสมุทรโอกะ และมี “นามาฮาเกะ” ขนาดใหญ่สูง 15 ม. 2 ตัวตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนทางหลวงซึ่งมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากจึงเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ที่นี่มีบริการพูดคุยสอบถามเรื่องข้อมูลการท่องเที่ยว และยังมีเอกสารโบรชัวร์ข้อมูลการท่องเที่ยวของพื้นที่แถบคาบสมุทรโอกะอย่างครบครันให้คุณสามารถหาข้อมูลการท่องเที่ยวที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อ และที่มุมร้านกาแฟที่อยู่ติดกันยังมีกาแฟและอาหารว่างอร่อยๆ ให้คุณได้ทานพร้อมชมทิวทัศน์ของภูเขาคัมปูซันได้อีกด้วย 

See the information

ที่บริเวณยอดเขาเป็นพื้นที่ที่มีหญ้าปกคลุมและไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ทำให้มองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาคัมปูซันได้อย่างชัดเจน หอชมวิวหมุนได้ซึ่งจะหมุน 1 รอบประมาณ 13 นาทีเป็นจุดชมวิวยอดนิยม ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์แบบพาโนรามาได้รอบทิศ 360 องศามองเห็นทั้งโอกาตะมุระ ภูเขาโจไค และแหลมนิวโดซาคิ ภายในอาคารยังมีร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์สวยๆ และทานอาหารไปด้วยได้ และมีห้องจัดนิทรรศการที่มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรโอกะจัดแสดงไว้ นอกจากนี้ ภูเขาคัมปูซันที่ทั้งภูเขาปกคลุมไปด้วยพื้นหญ้ายังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศูนย์รวมคนรักกีฬาร่มร่อนหรือพาราไกลดิ่ง ซึ่งมีโปรแกรมสำหรับให้ลองเล่นดูโดยจะให้ขึ้นร่มร่อนคู่กับครูผู้ฝึก 2 คน (ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที) อีกด้วย (จองโปรแกรมได้ตั้งแต่เดือนเม.ย. จนถึงเดือนพ.ย.) การเดินทางไปถึงหอชมวิวใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5 นาที

See the information

ที่นี่เป็น Michi-no-Eki ที่มีทั้งวัตถุดิบอาหารต่างๆ หลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของโอกะ ทั้งปลาสดๆ ที่นำมาวางจำหน่ายโดยตรงจากเหล่าชาวประมงท้องถิ่นและผักสดตามฤดูกาลที่เก็บเกี่ยวในยามเช้า รวมถึงงานฝีมือหัตถกรรมมากมายให้ได้เลือกซื้อกัน เปิดให้บริการเมื่อปี 2019 และเป็นสถานที่แวะพักระหว่างทางไม่เพียงเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น ผู้คนในท้องถิ่นก็นิยมมาแวะพักผ่อนกันที่นี่ด้วย ที่มุมสินค้าอาหารทะเลมีห้องจัดเตรียมไว้สำหรับหั่น / แล่หรือจัดเตรียมตามความต้องการได้ (มีค่าบริการเพิ่มเติม) และมีมุมให้คุณสามารถสัมผัสกับสุนัขพันธุ์อาคิตะซึ่งเป็นพันธุ์สุนัขอันโด่งดังของญี่ปุ่นที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ที่อาคิตะอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่มี OGARE เป็นศูนย์กลางครบครัน มีร้านเช่ารถจักรยานมีทั้งจักรยานแบบเสือหมอบและจักรยานไฟฟ้าให้บริการเพื่อประสบการณ์สัมผัสกับธรรมชาติของโอกะพร้อมได้ออกกำลังกายไปด้วย และยังมีบริการเรือท่องเที่ยวตามฤดูกาลอีกด้วย

See the information

เป็นชายหาดที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 อันดับชายหาดของญี่ปุ่น ในวันที่อากาศดีจะมองเห็นแนวเส้นชายฝั่งกว้างออกไป 1.5 กม. ที่ผิวน้ำสะท้อนเหมือนกระจกเงา เป็นสถานที่ยอดนิยมที่มีทิวทัศน์สวยงามแผ่กว้างสุดสายตา และจากความงดงามนี้เอง จึงถูกขนานนามว่าเป็น “Salar de Uyuni แห่งอาคิตะ” ตามชื่อของทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ช่วงเวลาที่น้ำลงจะเป็นทะเลน้ำตื้นที่มีหินใต้ทะเลโผล่พ้นน้ำขึ้นมา สามารถเดินลงไปในส่วนที่เป็นทะเลได้ไกลถึงประมาณ 200 ม. หินทรงกลมที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นเวลาน้ำลดที่เรียกว่า “อาสึคิอิวะ” (หินถั่วแดง) ทำให้เกิดเป็นภาพทิวทัศน์แปลกตา และด้วยรูปร่างน่ารักน่าชังนี้เองจึงเรียกหินเหล่านี้กันตามสำเนียงท้องถิ่นของอาคิตะว่า “โอโบโคะอิวะ” ซึ่งแปลว่าเด็กน้อยนั่นเอง 

ที่ลานจอดรถของหินก็อตซิลล่า เมื่อเดินลงเนินจากถนนลงไปจะมีลานหินเรียบชายหาด เมื่อใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว กรุณาตรวจสอบบริเวณโดยรอบและเดินทางอย่างระมัดระวัง

หินผารูปร่างประหลาดที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อราว 30 ล้านปีก่อน เพราะมีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์ดังชื่อ “ก็อตซิลล่า” จึงตั้งชื่อหินตามสัตว์ประหลาดนั้น เมื่อถึงเวลาช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน หินผาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นกับก้อนเมฆสีส้ม ดูแล้วคล้ายกับก็อตซิลล่าพ่นไฟ จึงเป็นจุดถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการไปเที่ยวชมคือช่วงเดือนเม.ย. และช่วงเดือนต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่จะมองเห็นทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ยามเย็นอยู่ภายในปากของหินก็อตซิลล่าที่พ่นไฟใส่ทะเลญี่ปุ่นอยู่ได้ชัดเจน  เดินจากลานจอดรถที่แหลมชิโอเสะซาคิ (ลานที่ออกจากถนนมาทางซ้าย) ใช้เวลา 3 นาที  

See the information

เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามโด่งดังของโอกะ ซึ่งมีภาพทิวทัศน์ของผืนดินเขียวขจี ทะเลสีคราม และท้องฟ้าอันงดงาม เป็นแหลมที่อยู่เหนือสุดของคาบสมุทรโอกะที่สามารถชมทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่นอันน่าตื่นตาได้ เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งบดบังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ จึงเป็นสถานที่แนะนำสำหรับการชมพระอาทิตย์ยามเย็นและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวยามค่ำคืน มีหอประภาคารลายทางสีขาวดำสลับกันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน “หอประภาคาร 50 อันดับของญี่ปุ่น” ที่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ เมื่อขึ้นไปบนหอประภาคารจะสามารถชมทิวทัศน์ของแหลมนิวโดซาคิและพื้นที่รอบๆ ที่ทอดยาวออกไป รวมถึงเกาะมิสึชิมะในทะเล นอกจากนี้ยังมีห้องพิพิธภัณฑ์ที่สร้างคู่กับหอคอยที่มีข้อมูลประวัติศาสตร์ของประภาคารอธิบายเอาไว้อีกด้วย

See the information

เป็นรีสอร์ทออนเซ็นที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับของดังขึ้นชื่อเมืองโอกะ ทั้งการแสดงกลองโดย “นามาฮาเกะ” ตามประเพณีดั้งเดิม และ “อิชิยากิเรียวริ” ที่เป็นอาหารเมนูตุ๋นด้วยหินร้อนๆ มีโรงแรมที่พัก 7 แห่งซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป น้ำร้อนของออนเซ็นที่นี่มีคุณสมบัติคล้ายน้ำทะเลคือมีเกลือเป็นส่วนผสม จึงเป็นที่นิยมกันมากว่าเป็น “บ่อน้ำร้อนเพื่อผิวสวย” นอกจากนี้ที่บริเวณทางเข้าโรงแรมที่พักและบ่อออนเซ็นกลางแจ้งยังมีต้นซากุระปลูกไว้ ในช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ซากุระบาน ถ้าคุณโชคดีก็จะได้แช่น้ำร้อนไปพร้อมกับชมดอกซากุระได้ด้วย 

See the information

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

“นามาฮาเกะ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของยูเนสโก เป็นเทศกาลตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของโอกะ โดยเชื่อกันว่าทูตของเหล่าเทพจะลงมาตระเวนไปตามบ้านเรือนปีละ 1 ครั้งเพื่อแจ้งเตือนเหตุร้าย ปัดเป่าภัยต่างๆ และอวยพรให้มีแต่เรื่องมงคลและความอุดมสมบูรณ์ หน้ากากของนามาฮาเกะจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะแห่งนี้ มีหน้ากากกว่า 150 ประเภทให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ยังมีบริการถ่ายรูปที่ระลึกกับนามาฮาเกะ การสาธิตการประดิษฐ์หน้ากากโดยช่างแกะสลักหน้ากากนามาฮาเกะ และมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับนามาฮาเกะวางจำหน่ายด้วย ถือเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนามาฮาเกะเอาไว้อย่างครบครันทีเดียว

See the information

ในบรรดานามาฮาเกะหลากหลายประเภท นามาฮาเกะของพื้นที่แถบชินซันเป็นขนมธรรมเนียมเก่าแก่ที่ตกทอดกันมาแต่โบราณ ที่พิพิธภัณฑ์ Oga Shinzan Folklore Museum ได้มีการจัดบริการคอร์สอบรมขึ้น เพื่อเผยแพร่ชุดนามาฮาเกะของพื้นที่แถบชินซันที่ถูกต้องตามประเพณี ในอาคารที่สร้างจำลองมาจากบ้านเรือนของชาวบ้านในท้องถิ่นตามแบบฉบับของภูมิภาคโอกะ จำลองเทศกาลนามาฮาเกะ ให้ผู้คนได้สัมผัสกับนามาฮาเกะของจริง นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงเรื่องราวขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับนามาฮาเกะ และเรื่องราวของเครื่องมือการเกษตรต่างๆ ซึ่งทำให้สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในภูมิภาคโอกะในสมัยก่อนได้

See the information

เป็นจุดชมดอกไม้ยอดนิยมที่ตลอดทางประมาณ 11 กม. มีต้นซากุระราว 3,700 ต้นและที่พื้นดินก็มีดอก Rape Blossoms ปลูกเอาไว้ด้วย เมื่อถึงช่วงฤดูที่ทั้งซากุระและ Rape Blossoms บานพร้อมกัน จะเป็นช่วงที่มีทิวทัศน์งดงามเห็นเป็นเส้นตรงของถนนสีเหลืองและสีชมพูตัดกันยาวสุดสายตา ฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงปลายเดือนเม.ย. – ต้นเดือนพ.ค. ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ทำให้คึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย นอกจากนี้เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงยังมีถนนที่สองข้างทางปลูกต้นแปะก๊วยและต้น Poplar ให้ได้ชมกันอีกด้วย 

See the information

เป็นทางขึ้นทางด่วน “ทางด่วนรถยนต์อาคิตะ” ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณตรงกลางระหว่างใจกลางเมืองโกโจเมะและเมืองฮาจิโรกาตะพอดี เป็นเส้นทางแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางจากพิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ ผ่านเส้นทางถนน Rape Blossoms เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Kimimachi-Zaka Prefectural Natural Park ทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้น

ในอดีต ระหว่างที่เสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรจักรพรรดิของญี่ปุ่นได้ทรงรับจดหมายจากองค์ราชินี ณ. ที่แห่งนี้ และด้วยความประทับใจที่พระองค์มีต่อทิวทัศน์สวยงามของที่นี่ จึงตั้งชื่อสถานที่นี้เอาไว้ว่า “คิมิมาจิซากะ” (เนินรอคอยที่จะได้พบคุณ) จากเรื่องราวอันแสนโรแมนติกนี้เองที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของคู่รัก ซึ่งมีทั้ง “ตู้จดหมายรัก” ที่เมื่อหย่อนจดหมายลงไปจะถูกประทับตรารูปหัวใจเพื่อนำส่ง และมี “ศาลเจ้าแห่งจดหมายรัก” สำหรับผูกสัมพันธ์ ที่เป็นที่นิยมของคู่รักมากมาย นอกจากนี้บริเวณทั่วทั้งสวนแห่งนี้ยังมีลักษณะเป็น “ท้องมังกร” ตามหลักศาสตรฮวงจุ้ยจึงกล่าวกันว่าเป็นสถานที่รับพลังทางจิตใจ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระและกุหลาบพันปีบานสะพรั่ง ซากุระ 1,500 ต้นที่บานย้อยเข้าหากำแพงหินมีความสวยงามมาก มีเนินสูงที่เดินขึ้นจากลานจอดรถ 

See the information

เป็นสถานที่ที่คุณจะได้พบกับ “สุนัขพันธุ์อาคิตะ” ที่เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ได้รับเลือกให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น สุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นสุนัขล่าสัตว์ในท้องถิ่นของอาคิตะที่มีความจำเป็นต่อผู้คนอย่างมาก ด้วยรูปร่างลักษณะภายนอกที่แสนน่ารักน่าเอ็นดู และปัจจุบันได้มีการส่งไปเป็นของขวัญให้กับ Alina Zagitova นักสเก็ตน้ำแข็งชาวรัสเซีย จึงกลายเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมในระดับโลกไปแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงประวัติเชื้อสายและลักษณะเฉพาะของสุนัขพันธุ์อาติตะ และยังสามารถสัมผัสใกล้ชิด รวมถึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสุนัขพันธุ์อาคิตะได้อีกด้วย นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนเม.ย. ถึงเดือนพ.ย. ยังสามารถใช้บริการเช่าจักรยานได้ ราคาค่าบริการครึ่งวัน 300 เยน / 1 วัน (ตั้งแต่ 4 ชม. ขึ้นไป) 500 เยน

See the information

มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 800 ปี เป็นออนเซ็นที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่บำบัดรักษาโรคของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโบราณ บ่อออนเซ็นน้ำผุดจากธรรมชาติเลียบแม่น้ำโอยุนี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเรื่องน้ำแร่ออนเซ็นที่ให้ผลลัพธ์เรื่องการเยียวยา และมีปริมาณน้ำแร่ธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์ ที่นี่มีโรงแรมที่พักเรียงรายมากมาย ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีทิวทัศน์ซากุระ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงฤดูหนาวมีทิวทัศน์ของหิมะปกคลุมให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งซากโบราณ “หินโอยุคังโจเรเซคิ” และทะเลสาบโทวาดะ เป็นต้น ที่อาคารซึ่งคัดสรรมาอย่างดีของจุดแวะพัก “Roadside Station O-yu”  มีคาเฟ่เนื้อวัวแบรนด์ “คาสึโนะกิว” และมีออนเซ็นสำหรับแช่เท้าไว้บริการอีกด้วย

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

“เส้นทาง Hachimantai Aspite Line” เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองคาสึโนะจังหวัดอาคิตะกับเมืองฮาจิมังไทจังหวัดอิวะเตะ ที่นี่มีเอกลักษณ์ที่ทิวทัศน์อันน่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีกำแพงหิมะที่กวาดมาถมกันสูงถึง 7 ม. จนกลายเป็น “ถนนกำแพงหิมะ” ซึ่งมีความยาวรวม 27 กม. ถือเป็นถนนกำแพงหิมะที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ในช่วงฤดูร้อนจะมีต้นไม้เขียวขจีที่เพิ่งผลิใบใหม่ และฤดูใบไม้ร่วงทั้งฮาจิมังไทจะถูกย้อมสีสรรด้วยใบไม้เปลี่ยนสี เป็นคอร์สการเดินทางที่ทำให้คุณได้ชมความงามของทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล ที่ยอดเขาฮาจิมังไทจะมีจุดแวะพักที่สามารถซื้ออาหารว่างรองท้องและสินค้าท้องถิ่นต่างๆ ได้

เป็นรีสอร์ทออนเซ็นที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของภูเขานิวโต ซึ่งมีโรงแรมที่พักออนเซ็น 7 แห่งที่มีความโดดเด่นเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกันไป น้ำแร่ที่นี่มีคุณสมบัติหลากหลาย ให้แขกที่มาที่นี่ได้เพลิดเพลินกับน้ำแร่ถึงกว่า 10 ชนิด จึงเป็นออนเซ็นยอดนิยมที่มีแขกประจำเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ที่ผู้คนเดินทางมาเพื่อบำบัดรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ซึ่งเรือนที่พักในทุ่งกว้างบริเวณภูเขาด้านในก็ยังคงมีร่องรอยของอดีตหลงเหลือให้เห็นอยู่ นอกจากนี้ยังมี “สมุดพกออนเซ็น” สุดคุ้มที่ทำให้คุณสามารถใช้บริการของออนเซ็นได้ครบทั้ง 7 แห่ง (ซุรุโนะยุ, คุโระยุออนเซ็น, มาโคะโรคุออนเซ็น, กานิบะออนเซ็น, โอคามะออนเซ็น, ทาเอโนะยุ, คิวคะมุระ)

See the information

ทะเลสาบที่มีรูปร่างเกือบจะเหมือนรูปทรงกระบอกแห่งนี้ มีความลึก 423.4 ม. ซึ่งถือว่าลึกที่สุดในญี่ปุ่น น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสว่างปลัสเซียนบลูสวยงาม น้ำที่นี่ใสสะอาดมากจนสามารถมองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำได้ทีเดียว เป็นสถานที่ทิวทัศน์งดงามติดอันดับของญี่ปุ่น ทะเลสาบนี้มีตำนานเล่าขานว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อ “ทัตสึโกะ” ต้องการความสวยและความสาวที่เป็นนิรันดร์ จึงดื่มน้ำจากบ่อน้ำและกลายเป็นมังกรไปในที่สุด ที่บริเวณริมทะเลสาบมีรูปปั้นของทัตสึโกะตั้งอยู่ และที่ข้างๆ กับรูปปั้นมีศาลเจ้าอุคิคิที่เป็นสถานที่ผูกสัมพันธ์ และศาลเจ้าโกซาโนะอิชิที่ศักดิ์สิทธิ์เรื่องความงาม นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ครบครัน ทั้งพิพิธภัณฑ์ปลาแซลมอนคุนิมาสึ, อนุสรณ์โรงเรียนคาตะบุนโค, เรสต์เฮ้าท์ทะเลสาบทาซาวะ, และบริการเรือท่องเที่ยวทะเลสาบทาซาวะ เป็นต้น

See the information

“คาคุโนดาเตะ” ที่เรียกกันว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโตแห่งภูมิภาคโทโฮคุ” เป็นสถานที่มีชื่อเสียงเรื่องบรรยากาศบ้านเมืองแบบเก่าที่มีทั้งบ้านนักรบบุเคะยาชิคิ เป็นต้น เป็นที่รู้จักกันที่ว่าเป็นสถานที่ที่มีซากุระสวยงามของภูมิภาคโทโฮคุ ไม่ว่าจะเป็นซากุระพันธุ์ชิดาเระริมถนนบุเคะยาชิคิที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ และอุโมงค์ดอกซากุระริมแม่น้ำฮิโนคินาอิกาวะที่บานสะพรั่งยาว 2 กม. ริม 2 ฝั่งแม่น้ำ ในถดูใบไม้ผลิทิวทัศน์ของเมืองที่นี่จะสวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว และช่วงฤดูใบไม้ผลินี่เองที่จะมีการเปิดไฟส่องต้นซากุระในเวลากลางคืน เป็นสถานที่ที่แนะนำอย่างมากเพราะจะได้ชมความงามของบรรยากาศที่แตกต่างกันช่วงกลางวันกับกลางคืน นอกจากนี้ยังมีของหวานขึ้นชื่อเก่าแก่ของท้องถิ่น และขนมญี่ปุ่นต่างๆ ให้ได้ทานระหว่างชมดอกซากุระอีกด้วย 

See the information

・เวลาที่ระบุไว้เป็นเวลาโดยเฉลี่ย
・หลังจากกรอก MAPCODE แล้ว กรุณาตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้แน่ใจก่อนจึงเริ่มออกเดินทาง

บ้านนักรบบุเคยาชิคิสร้างขึ้นในสมัยซามุไรเมื่อ 400 ปีก่อน เป็นอาคารที่ยังหลงเหลือโครงสร้างและลักษณะเด่นเอาไว้ให้กลิ่นอายของบรรยากาศโบราณ ที่นี่คุณจะได้ทัศนศึกษาชมบ้านนักรบเก่าแก่ของจริงมากมายหลายหลัง ซึ่งในจำนวนนั้นยังมีคฤหาสน์บางหลังที่ยังคงใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยจนถึงในปัจจุบัน ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาลทั้งสี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศของซากุระ 400 ต้นบานสะพรั่งงดงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีร้านบริการเช่าชุดกิโมโนและรถคนลากสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการสวมบทบาทราวกับเป็นคนในยุคอดีตจริงๆ ได้ และยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมาก ทั้งร้าน “คิโนะชิตะยะ โยชินาริ” ที่มีเหล้าญี่ปุ่นท้องถิ่นให้ได้ลิ้มรส พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิระฟุคุที่มีบรรยากาศแบบเรโทรเก่าๆ และจุดชมซากุระแม่น้ำฮิโนคินาอิกาวะ 

See the information

เป็นสถานที่ terminal station ที่เป็นทั้งต้นทางและปลายทางของรถชินคันเซ็น มีรถไฟฟ้าสายท้องถิ่นต่างๆ ทั้งสายโออุฮงเซ็น, สายอุเอ็ตสึฮงเซ็น และสายโอกะให้สามารถเปลี่ยนสายรถไฟได้ที่นี่ อาคารสถานี ALS & Topico มีอาหารท้องถิ่นและของฝากของที่ระลึกให้เลือกซื้อมากมาย รวมถึงมีข้อมูลการท่องเที่ยวอาคิตะไว้บริการจึงสะดวกมากสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คนในท้องถิ่นอีกด้วย เมื่อเดินต่อไปประมาณ 5 นาทีจะถึงสวนสาธารณะเซ็นชู ซึ่งมีต้นซากุระราว 700 ต้น ซึ่งช่วงที่ดอกซากุระของสวนสาธารณะบานจะมีการเปิดไฟตอนกลางคืนเพื่อให้ได้ชมซากุระกลางคืนกันอีกด้วย