วางแผนการท่องเที่ยว

จากคาคุโนะดาเตะหรือเกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน
ออนเซ็น
นิวโตที่น้อยคนจะรู้จักในหุบเขาลึก

น้ำแร่ออนเซ็น งานหัตถกรรมดั้งเดิม ภาคใต้จังหวัด
Share

สถานีคาคุโนะดาเตะเป็นจุดจอดอาคิตะชินคันเซ็นซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอาคิตะตอนกลาง ละแวกนี้ตัวเมืองที่สร้างขึ้นเมื่อราวปี 1620 โดยตระกูลนักรบที่เป็นผู้ปกครองพื้นที่แถบคาคุโนะดาเตะยังคงหลงเหลืออยู่ในสภาพที่แทบไม่แตกต่างจากเดิม ด้วยทัศนียภาพสวยงามของเมืองที่งดงามทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้ผลิใหม่ ใบไม้แดง หรือหิมะ ทำให้ที่นี่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “เกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ” ค่ะ

ทะเลสาบทาซาวะและหมู่บ้านออนเซ็นนิวโตซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งออนเซ็นที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักกลางหุบเขาซึ่งมีอยู่ไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น อยู่ห่างจากคาคุโนะดาเตะโดยทางรถยนต์เพียงราว 1 ชั่วโมง นี่คือเส้นทางที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับการเดินเล่น ลิ้มลองอาหาร สนุกกับการเลือกซื้อสินค้าศิลปหัตถกรรมในคาคุโนะดาเตะ จากนั้นจึงไปดื่มด่ำกับธรรมชาติของทะเลสาบทาซาวะและหมู่บ้านออนเซ็นนิวโตกันค่ะ

1 มาร่วมย้อนเวลาสู่ศตวรรษที่ 17 บน “ถนนสายคฤหาสน์ตระกูลนักรบคาคุโนะดาเตะ” กันค่ะ

ในระยะที่เดินไปจากสถานีคาคุโนะดาเตะประมาณ 15-30 นาที คือถนนสายที่มีคฤหาสน์ตระกูลนักรบซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ตั้งเรียงราย ลักษณะเด่นของคฤหาสน์นักรบคือ ในพื้นที่ซึ่งโอบล้อมด้วยรั้วแผงไม้สีดำพร้อมประตูใหญ่แข็งแรง ประกอบไปด้วยบ้านพัก โรงเก็บของ และสวน บางบ้านก็มีต้นไม้ที่สวยงามซึ่งมีอายุถึง 300 ปี เพียงได้ย่างเท้าลงบนถนนสายนี้ คุณก็จะรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคของนักรบในสมัยโบราณทันทีเลยค่ะ

คาคุโนะดาเตะเป็นแหล่งชมซากุระที่มีชื่อเสียงซึ่งมีอยู่ไม่มากนักในญี่ปุ่น ว่ากันว่าทั่วเมืองมีซากุระปลูกไว้มากถึงราว 400 ต้น วิวบนถนนสายนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างดงามตลอดสี่ฤดู ในฤดูใบไม้ผลิมีซากุระ ฤดูร้อนมีใบไม้แรกผลิ ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้แดง และฤดูหนาวก็มีหิมะ

ที่หน้าสถานีมีร้านชื่อ “โคโรโมยะ” ซึ่งคุณสามารถเช่ากิโมโนพร้อมบริการสวมใส่ (ต้องจองล่วงหน้า) ลองใส่ชุดกิโมโนแล้วไปนั่งรถลากดูก็น่าสนุกนะคะ และจุดขึ้นรถลากก็อยู่บนถนนสายคฤหาสน์นักรบ ที่หน้าพิพิธภัณฑ์งานเปลือกไม้ซากุระคาคุโนะดาเตะนั่นเองค่ะ (ไม่รับจอง ประมาณ 15 นาที เริ่มต้นที่ 3,000 เยน)

คฤหาสน์ตระกูลนักรบแห่งคาคุโนะดาเตะ ลองใส่กิโมโนเดินเมืองเก่า แอนทีคกิโมโนเดอายุคุ เกียวโตน้อยคาคุโนะดาเตะ
เดิน 0 นาที
2 ไปชมฝีมืองานช่างที่ตกทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ที่ “พิพิธภัณฑ์งานเปลือกไม้ซากุระคาคุโนะดาเตะ”

“งานเปลือกไม้ซากุระ” ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นงานศิลปหัตถกรรมโบราณที่ในญี่ปุ่นมีทำขึ้นเฉพาะที่คาคุโนะดาเตะเท่านั้น โดยเป็นการลอกเปลือกต้นซากุระป่าแล้วนำไปตากให้แห้งเพื่อเอามาทำเป็นสิ่งของต่างๆ เช่น ถ้วยชาม

ในร้านของพิพิธภัณฑ์มี “กล่องชา” ภาชนะทรงกระบอกสำหรับเก็บใบชา จานเล็ก และสินค้าอื่นๆ ที่ทำจากสตูดิโอ 4 แห่งในท้องถิ่นจำหน่ายอย่างหลากหลาย มีทั้งสิ่งของที่มีการขัดผิวให้เงา และสิ่งของที่ปล่อยผิวสัมผัสของเปลือกไม้ไว้ในแบบเดิม รวมทั้งมีงานศิลปหัตถกรรมอื่นๆ ของคาคุโนะดาเตะจำหน่ายด้วย เช่น เครื่องปั้นดินเผาชิราอิวะยาคิจากเตาเผาเก่าแก่ที่สุดในอาคิตะ ซึ่งมีสีน้ำเงินอันล้ำลึกเป็นเอกลักษณ์ค่ะ

ทางด้านในของห้องนิทรรศการมีการจัดแสดงการทำชิ้นงานจากเปลือกไม้ซากุระโดยช่างฝีมือ ซึ่งนอกจากจะได้ชมความเชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหัดทำชิ้นงาน เช่น ที่รองแก้ว ได้ด้วยค่ะ (กิจกรรมต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน 0187-43-3353 ห้องดีไซน์กิจกรรม หมู่บ้านโนซัง อำเภอเซ็นโบคุ)

Kakunodate Traditional Birch Workshops
เดิน 10 นาที
3 แวะพักสักครู่ที่ร้านอาหารในคฤหาสน์นักรบ “อาคิตะคาคุโนะดาเตะ ตระกูลนิชิโนะมิยะ”

“อาคิตะคาคุโนะดาเตะ ตระกูลนิชิโนะมิยะ” คือคฤหาสน์นักรบที่ประกอบไปด้วยอาคารหลักและโรงเก็บของ 5 แห่ง ส่วนอีก 3 แห่งในจำนวนนั้นเปิดเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก คุณจะได้เพลิดเพลินกับการชมภายในคฤหาสน์โบราณไปพร้อมๆ กับการพักผ่อนได้ที่นี่ค่ะ

“คิตะกุระ” ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1919 นี้เปิดเป็นร้านอาหาร เมนูแนะนำได้แก่ “โอคาริบายากิ” อาหารขึ้นชื่อของคาคุโนะดาเตะ ซึ่งมีที่มาจากการที่ในอดีตนักรบจะนำสัตว์ที่ล่าได้ตอนออกล่าสัตว์มาแล่และย่างกินกันในจุดที่ล่าสัตว์ได้ ปรุงโดยการนำเนื้อไก่มาคลุกเคล้ากับซันโชซึ่งเป็นเครื่องเทศและมิโซะก่อนนำไปย่างค่ะ

“โคเมกุระ” ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1910 เป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเต็มไปด้วยงานศิลปหัตถกรรม เช่น งานเปลือกไม้ซากุระ และสินค้าเบ็ดเตล็ดสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งทำโดยคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมี “รองเท้าหญ้าคาคุโนะดาเตะ” ซึ่งถักอย่างประณีตโดยช่างฝีมือและเป็นที่นิยมอย่างมาก หญ้าที่ใช้เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ทำเสื่อทาทามิ ซึ่งแข็งกำลังดีและช่วยกระตุ้นฝ่าเท้า ให้ความสบายยามสวมใส่เหมือนได้นวดเลยค่ะ

Akita Kakunodate Nishinomiyake (Old Warehouse)
เดิน 5 นาที
4 ต้องไม่พลาดมาหาซื้องานเปลือกไม้ซากุระแบบโมเดิร์นที่ร้าน “ฟูจิกิเด็นชิโรโชเท็น” กันค่ะ

ฟูจิกิเด็นชิโรโชเท็นก่อตั้งเมื่อปี 1851 และทำงานไม้จากเปลือกซากุระสืบเนื่องมาแล้วถึง 7 รุ่น เพราะที่นี่มีหลักการว่า “ขนบธรรมเนียมคือการปฏิรูป” นอกจากจะทำชิ้นงานที่สืบทอดกันมาทุกรุ่นแล้ว ยังมีการพัฒนาดีไซน์ใหม่ๆ ภายในร้านได้รับการตกแต่งปรับปรุงใหม่ โดยยังคงลักษณะการก่อสร้างของโรงเก็บของจากยุคแรกเริ่มเปิดกิจการเอาไว้ด้วยค่ะ

การทำงานไม้จากเปลือกต้นซากุระมีวิธีการอยู่ 3 แบบ แบบแรกได้แก่ “คาตาโมโนะ” ซึ่งเป็นการนำเปลือกต้นซากุระและแผ่นไม้ที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ มาทานิคาวะ หรือกาวที่ทำจากสารธรรมชาติ จากนั้นจึงนำไปพันรอบแม่พิมพ์ไม้แล้วรีดเข้าด้วยกันด้วยเกรียงร้อน เป็นเทคนิคที่ใช้ในการทำกล่องชา

แบบที่สองคือ “ทาทามิโมโนะ” ซึ่งจะมีการนำเปลือกต้นซากุระที่ขัดแล้วหลายๆ แผ่นมาซ้อนกันจนหนา จากนั้นจึงนำไปแกะสลักแล้วขัดในขั้นสุดท้าย วิธีนี้จะทำให้ด้านตัดเป็นลวดลายชั้นๆ ที่สวยงาม จึงนำไปใช้ในการทำเข็มกลัดหรือจี้ห้อยคอ ฯลฯ

แบบสุดท้ายคือ “คิจิโมโนะ” ซึ่งทำโดยการนำเปลือกไม้ซากุระไปติดเข้ากับกล่องไม้ ทุกวิธีล้วนแต่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องมีทักษะที่เชี่ยวชาญค่ะ

สินค้าเด่นของฟูจิกิเด็นชิโรโชเท็นคือ ไลต์เบสที่ทำขึ้นโดยร่วมมือกับ “twodo” แบรนด์โคมไฟในจังหวัด ไลต์เบสคือ โคมไฟแนวคิดใหม่ที่จะเปลี่ยนสิ่งของตั้งโชว์ที่ทำจากแก้วหรืออะคริลิกที่นำมาวางไว้ด้านบนให้กลายเป็นโคมไฟ ช่วยให้ของที่คุณโปรดปรานกลายเป็นของแต่งบ้านที่สวยงามขึ้นไปอีกขั้นเลยค่ะ

Fujiki Denshiro Shoten
นั่งแท็กซี่ 10 นาที
5 ไปดื่มเบียร์ที่ได้รับรางวัลระดบั โลกท่ี “เบียร์เรสเทอรองต์ทะเลสาบทาซาวะ”

“หมู่บ้านศิลปะอาคิตะ” ตั้งอยู่ที่เชิงเทือกเขาวากะที่ประกอบไปด้วยภูเขาที่สูงกว่า 1,000 เมตรหลายต่อหลายลูก ภายในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีศิลปะเป็นธีมหลัก ซึ่งสร้างขึ้นโดยคณะละคร “วาราบิซะ” ที่แสดงละครเวทีที่ดัดแปลงมาจากศิลปะการแสดงตามประเพณีของญี่ปุ่นแห่งนี้ ประกอบไปด้วยโรงละคร โรงแรมออนเซ็น และ “เบียร์เรสเทอรองต์ทะเลสาบทาซาวะ”

“เบียร์ทะเลสาบทาซาวะ” เบียร์ท้องถิ่นที่ทำโดยคณะละครวาราบิซะนี้จะใช้มอลต์ชั้นเลิศจากเยอรมนีและ “Saaz Saaz” ฮ็อปจากสาธารณรัฐเช็กที่มีคุณภาพสูง และหมักด้วยกรรมวิธีตามแบบฉบับของเยอรมัน รสชาติแสนอร่อยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และมีประวัติการรับรางวัลมาแล้วมากมายอย่าง รางวัลเหรียญทองจาก “เวิลด์เบียร์อวอร์ด 2019” รางวัลเหรียญทองจาก “ยูโรเปียนเบียร์สตาร์”

ร้านอาหารซึ่งสร้างขึ้นคู่กับโรงเบียร์นี้เสิร์ฟอาหารที่เข้ากับเบียร์ได้ดีซึ่งมีเนื้อสัตว์เป็นหลัก “เนื้อตุ๋นเบียร์รางวัลเหรียญทอง” คือเนื้อวัววากิวที่นำไปตุ๋นด้วยอัลต์เบียร์ที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง มีความนุ่มเหมือนละลายในปากและความอร่อยที่จะทำให้คุณติดใจเมื่อได้ลิ้มลองค่ะ

ทะซาว่าโกะเบียร์เรสโตรอง
นั่งแท็กซี่ 15 นาที
6 ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในหนึ่งวันที่ “โรงแรมทามาจิบุเคะยาชิกิ”

สิ่งที่รอต้อนรับอยู่เมื่อไปถึงโรงแรมทามาจิบุเคะยาชิกิ คือรั้วแผงไม้สีดำที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของคฤหาสน์นักรบ และต้นซากุระขนาดใหญ่ ช่วยให้รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนย่างเท้าเข้าไปภายในเลยค่ะ

ห้องพักไม่ได้เป็นห้องเสื่อทาทามิที่ต้องนอนบนฟูก แต่เป็นเตียงแบบตะวันตก ในขณะที่การตกแต่งภายในให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายแบบญี่ปุ่น สวนกลางที่มองเห็นได้จากหน้าต่างก็ยังมีความงดงามตามฤดูกาลทั้งสี่ เช่น มีดอกบ๊วยให้ชมในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ มีใบไผ่เขียวขจีให้ชมในฤดูร้อน และวิวหิมะในฤดูหนาว เพื่อเวลาแห่งการพักผ่อนของคุณค่ะ

อาหารเช้าเป็นอาหารชุดแบบญี่ปุ่นที่ใช้วัตถุดิบจากในอาคิตะ ทั้งข้าวเนื้อเงาฉ่ำหุงสุกใหม่ๆ ซุปมิโซะที่ใช้มิโซะซึ่งผลิตภายในจังหวัด เต้าหู้คาคุโนะดาเตะที่ทำในคาคุโนะดาเตะ และปลาย่าง ฯลฯ

ทะมะจิบุเคะยาชิกิโฮเต็ล
ชินคันเซ็นและรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง
7 “ล่องเรือชมทะเลสาบทาซาวะ” เพื่อชมธรรมชาติทั้งสี่ฤดูจากทะเลสาบ

ทะเลสาบทาซาวะลึก 400 เมตรนี้คือทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ผิวน้ำสีฟ้าสดตัดกับธรรมชาติอันงดงามโดยรอบที่เปลี่ยนไปทุกฤดูกาลอย่างสวยงามไม่ว่าจะเป็นใบไม้แรกผลิหรือใบไม้เปลี่ยนสี

จุดหนึ่งที่น่าสนใจบนเส้นทางล่องเรือราว 40 นาทีรอบทะเลสาบทาซาวะที่มีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรคือ “ศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ” ภาพที่งดงามราวกับฝันของประตูศาลเจ้าสีแดงสดริมฝั่งทะเลสาบซึ่งสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ เป็นภาพที่ชวนให้คุณเผลอกดชัตเตอร์โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ

และมีตำนานเล่าว่าหญิงสาวชื่อทัตสึโกะซึ่งได้รับการบูชาเป็นเทพเจ้าของศาลแห่งนี้ พยายามไขว่คว้าหาความงามชั่วนิรันดร์จนต้องกลายร่างเป็นมังกร เธอจมลงสู่ก้นทะเลสาบทาซาวะและได้กลายเป็นเจ้าแห่งทะเลสาบตั้งแต่นั้นมา

Tazawako Lake Pleasure Boat
นั่งรถบัส 30 นาที
8 อย่าพลาดมาเที่ยวที่ออนเซ็นกว่า 10 ชนิดในหมู่บ้านออนเซ็นนิวโตนี้

หมู่บ้านออนเซ็นนิวโตตั้งอยู่ที่เชิงเขาเอโบชิซึ่งมีความสูง 2,066 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และลึกเข้าไปในป่าต้นบีชยังมีออนเซ็นเรียวกัง 7 แห่งที่มีแหล่งน้ำแตกต่างกันตั้งกระจายตัวอยู่ห่างๆ และยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งก็มีผู้คนมากมายจากทั่วญี่ปุ่นเดินทางมาที่นี่กันค่ะ

ในญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการรักษาพยาบาลที่เรียกว่า “โทจิ” ซึ่งจะให้ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บแช่ออนเซ็นเพื่อรักษามาตั้งแต่โบราณ นิวโตออนเซ็นก็เริ่มต้นจากการเป็นออนเซ็นเพื่อการรักษาโรค ว่ากันว่าออนเซ็นเรียวกังที่เก่าแก่ที่สุดมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้ถึงศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียวค่ะ

นอกจากออนเซ็นเรียวกัง 7 แห่งแล้ว ที่นี่ยังมีแหล่งน้ำแร่อีกกว่า 10 ชนิด ซึ่งมีสีที่หลากหลายตั้งแต่สีขาวขุ่นไปจนถึงสีน้ำตาลแดง สรรพคุณของน้ำแร่เหล่านี้ก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งช่วยให้ผิวสวย รักษาโรคไขข้อ และความดันโลหิตสูง ฯลฯ

ถ้าเข้าพักที่เรียวกังแห่งใดแห่งหนึ่ง คุณก็จะสามารถลงแช่ออนเซ็นของเรียวกังทั้งหมดได้ด้วยการซื้อ “บัตรท่องออนเซ็น” (1,800 เยน) ทั้งยังมีบริการ “รถท่องออนเซ็น” รถบัสเวียนที่วิ่งระหว่างเรียวกังต่างๆ อย่าพลาดมาเพลิดเพลินกับประสบการณ์การแช่ออนเซ็นในธรรมชาติ ด้วยการลงแช่ในบ่อน้ำร้อนแบบต่างๆ ที่นี่กันนะคะ

Nyuto Hot Spring Village ซึรุโนะยุออนเซ็น ออนเซ็นนิวโตทาเอะโนะยุ ออนเซ็นคุโรยุ กานิบะออนเซ็น Magoroku Onsen โอคามะออนเซ็น คิวกะมูระนิวโตออนเซ็นโก
เดิน 0 นาที
9 ความสุขของการปล่อยตัวสบายๆ ที่ “สึรุโนะยุ” ในหุบเขาลึก

“สึรุโนะยุ” เป็นที่พักพร้อมออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้านออนเซ็นนิวโต ซึ่งความเป็นมาของที่นี่สามารถย้อนหลังไปได้ถึงศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียวค่ะ อาคารเก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันคือเรือนแถวยาวที่เรียกว่า “ฮงจิน” ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี 1860 ฮงจินที่ยังคงมีห้องซึ่งนักรบผู้คุ้มกันเจ้าเมืองอาคิตะเคยมาพักนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในช่วงที่คนนิยมมามากๆ ห้องจะถูกจองเต็มล่วงหน้าไปหลายเดือนเลยล่ะค่ะ

สิ่งที่สึรุโนะยุให้ความสำคัญคือการรักษาบรรยากาศของที่พักในป่าแบบโบราณเอาไว้ แม้ว่าจะมีการปลูกอาคารเพิ่มและดัดแปลงหลายครั้ง แต่ก็ยังคงพิถีพิถันในการใช้โครงสร้างไม้ สายไฟเองก็ถูกฝังไว้ใต้ดินเพื่อไม่ให้ทำลายทัศนียภาพ อาหารก็เป็นแบบเรียบง่ายที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น โดยมีดังโงะมันภูเขาและ “หม้อไฟมันภูเขา” ที่นำเอาหมูและผักป่ามาต้มกับมิโซะก็ถือเป็นเมนูดังที่ได้รับความนิยมค่ะ

ด้วยชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากนี้จึงมีความเห็นเข้ามาว่า “อยากให้เพิ่มห้องพัก” ซึ่งทางโรงแรมเองก็ยังคงยึดมั่นกับการรักษาพื้นที่เพื่อความผ่อนคลายไว้ให้ผู้เข้าพักตลอดมา ในห้องพักจึงไม่มีทีวีหรือวิทยุ เพื่อให้คุณได้ลองสัมผัสกับ “ความสุขของการปล่อยตัวสบายๆ” ร่วมกับคนสำคัญของคุณค่ะ

ซึรุโนะยุออนเซ็น

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของอากิตะ


วิธีไป