วางแผนการท่องเที่ยว

การเดินทางเพื่อสัมผัส “การหมักดอง” ซึ่งเป็นรากฐานของอาหารญี่ปุ่น

อาหารและเหล้าญี่ปุ่น ภาคกลางจังหวัด
Share

“อูมามิ” (รสกลมกล่อม) คือรสชาติที่ห้าซึ่งค้นพบโดยคนญี่ปุ่น และ “การหมักดอง” หนึ่งในต้นกำเนิดของรสชาติที่รู้จักกันดีนี้ คือภูมิปัญญาของการถนอมอาหารให้เก็บได้นานที่นำมาใช้กับอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณแล้วค่ะ

โดยเฉพาะในจังหวัดอาคิตะ ซึ่งเก็บเกี่ยวพืชผลได้มากมาแต่โบราณ ทำให้มีอาหารหมักดองที่เกิดขึ้นเพื่อเก็บรักษาอาหารส่วนเกินไว้สำหรับฤดูหนาวอยู่มากมาย นอกจากมิโซะ โชยุ นัตโต (ถั่วหมัก) และเหล้าญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมีอาหารพื้นบ้านที่หาทานได้เฉพาะในอาคิตะอีกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ

เส้นทางตัวอย่างเส้นนี้เริ่มต้นจากอำเภอโยโกเตะที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งและมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในอาคิตะว่าเป็น “เมืองแห่งการหมักดอง” จากนั้นเราจะขอแนะนำสถานที่ต่างๆ ที่คุณจะได้ลิ้มลองอาหารตามแบบฉบับดั้งเดิมของอาคิตะ อย่างอาหารหมักดองและอื่นๆ อย่าลืมมาสนุกกับการเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมของอาคิตะผ่านการกินอาหารที่ทั้งอร่อยและดีต่อร่างกายกันนะคะ

ภาพ : ยาสึชิ อิโต (Creative Peg Works)

1 เรียนรู้วัฒนธรรมข้าวหมักของอาคิตะได้ที่ “คุราโอะ ร้านผักตามฤดูกาล มิโซะและชา”

“คุราโอะ ร้านผักตามฤดูกาล มิโซะและชา” ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดอาคิตะ เดินทางด้วยรถยนต์ 7 นาทีจากสถานีจูมนจิของรถไฟ JR สายโออุฮงเซ็น เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นลูกสาวของ “ร้านฮาบะโคจิ” ร้านเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 100 ปี “โคจิ” คือ “หัวเชื้อ” ในการหมักที่ทำจากข้าวซึ่งเป็นของดังของอาคิตะและธัญพืช ซึ่งที่ “คุราโอะ” แห่งนี้ คุณจะได้ลิ้มลองอาหารหมักดองที่ทำจากข้าวหมักของร้านฮาบะโคจิและผักตามฤดูกาลค่ะ

อำเภอโยโกเตะซึ่งเป็นที่ตั้งของ “คุราโอะ” นี้เป็นพื้นที่ในอาคิตะที่มีการใช้ข้าวหมักมากเป็นพิเศษมาแต่โบราณ ร้านโคจิจึงมีความสำคัญมากต่อการปรุงอาหารของคนในท้องถิ่น โคจิของร้านฮาบะโคจิที่ทำขึ้นอย่างประณีตโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความหวานตามธรรมชาติซึ่งเหมือนจะเอิบอาบไปได้ทั่วร่างกายเลยล่ะค่ะ

“คุราโอะ” ตั้งอยู่ในอาคารของโรงเหล้าที่เคยทำเหล้าสาเกมาจนถึงปี 2003 “โรงเก็บของในบ้าน” (โรงเก็บของที่อยู่ในตัวบ้าน) ตามแบบฉบับเมืองที่มีหิมะมาก ซึ่งสร้างขึ้นราวๆ ปี 1800 นี้ ยังคงหลงเหลืออยู่ในสภาพเดิมให้เราได้เห็นค่ะ

ที่ “คุราโอะ” ยังคงใช้น้ำบ่อซึ่งเคยใช้ในการทำเหล้าสาเกในการปรุงอาหารด้วย อย่าพลาดไปลองชิมผักดองที่สืบทอดวิธีทำมาจากบรรพบุรุษ และซุปมิโซะทำจากมิโซะที่ใช้โคจิจำนวนมากประกอบกับวัตถุดิบอีกมากมายกันที่นี่นะคะ

See the inormation
นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
2 ต้องไม่พลาดมาสัมผัสการผสมผสานความดั้งเดิมกับนวัตกรรมใหม่ที่ “ยามาโมะ โรงหมักมิโซะและโชยุ”

“ยามาโมะ โรงหมักมิโซะและโชยุ” ก่อตั้งเมื่อปี 1867 และได้ทำการผลิตโชยุและมิโซะด้วยน้ำใต้ดินที่อุดมสมบูรณ์ของท้องถิ่นมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี ปัจจุบันคุณยูทากะ ทากาฮาชิ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 7 กำลังพยายามผลักดันสิ่งใหม่ๆ โดยในปี 2018 ได้มีการเปิดคาเฟ่และอาร์ตแกลเลอรี รวมทั้งทัวร์โรงหมักซึ่งถือว่าแปลกใหม่สำหรับโรงหมักมิโซะและโชยุค่ะ

คาเฟ่ให้บริการกาแฟ เจลาโตถั่วเหลือง ขนมหวาน เฝอ ที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งมีการคัดสรรเหล้าสาเกที่เหมาะกับอาหารไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ

ในทัวร์โรงหมักนี้คุณจะได้ชมทั้งโรงหมักที่ทำด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม และโรงหมักที่นำเอานวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ หลังชมแต่ละขั้นตอนในการทำมิโซะและโชยุแล้ว ก็จะได้ไปเดินเล่นในสวนและเยี่ยมชมแกลเลอรี จากนั้นจึงไปลองชิมเปรียบเทียบรสชาติโชยุและมิโซะในคาเฟ่ โรงหมักที่ใช้งานมาตั้งแต่แรกเริ่มเปิดกิจการก็เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้ระลึกถึงประวัติศาสตร์เลยล่ะค่ะ รวมทั้งที่หน้าร้านก็มีจำหน่ายมิโซะและโชยุสำหรับนำกลับไปเป็นของฝากด้วยค่ะ

เรียกได้ว่าที่นี่มีเสน่ห์มากมายทั้งการได้ดู ชิม และสัมผัส เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายในคราวเดียวค่ะ

See the inormation
นั่งแท็กซี่ 5 นาที
3 พบปะกับคนในท้องถิ่นได้ที่ “Hostel&Bar CAMOSIBA”

ตำบลจูมนจิที่ซึ่งมีทางหลวงสองสายมาตัดกันนี้ ในอดีตเคยเป็นเมืองที่คึกคักไปด้วยนักเดินทางจำนวนมาก และ “CAMOSIBA” คือโฮสเทลและบาร์ที่เปิดเมื่อปี 2017 โดยนำอาคารที่เคยเป็นร้านชาในอดีตมาดัดแปลง เพราะต้องการที่จะนำความคึกคักกลับมาสู่เมืองอีกครั้งค่ะ

คุณมาโดกะ อาเบะ ผู้เป็นเจ้าของ เธอคือลูกสาวของ “ร้านอาเบะโคจิ” ที่ตั้งอยู่ในเมืองค่ะ และในบาร์ของที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารที่ใช้มิโซะและโคจิของร้านอาเบะโคจิ รวมทั้งเหล้าสาเกท้องถิ่นของโยโกเตะและเบียร์จากโรงคราฟต์เบียร์ “อุโกบาคุชู” ฯลฯ นอกจากนี้ ปัจจุบันคุณอาเบะยังหมักฮาร์ดไซเดอร์ที่ใช้แอปเปิ้ลในท้องถิ่น (เบียร์แอปเปิ้ลที่ใช้มอลต์ต่ำ) ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นของดังของที่นี่ในอีกไม่นานนี้ด้วยนะคะ

คำว่า “คาโมชิ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้านหมายถึงโรงหมัก และชื่อ “คาโมชิบะ” ที่ตั้งขึ้นนี้จึงแฝงไว้ด้วยเจตนารมณ์ที่ปรารถนาจะให้นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นที่ได้พบปะกันที่นี่ได้บ่มเพาะความสัมพันธ์จนมีรสชาติดีกลมกล่อม เช่นเดียวกับมิโซะและโชยุซึ่งเป็นของดังของบาร์แห่งนี้นั่นเองค่ะ ฉะนั้นรีบมาเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆ เหล้าสาเก และการพบปะกับผู้คนที่นี่กันนะคะ

See the inormation
นงั่ รถไฟประมาณ 2 ชวั่ โมง
4 เตรียมตัวมาสนุกกับอาคิตะในรูปแบบใหม่ที่ “ยามาคิอุมินามิโซโกะ”

จากสถานีจูมนจิซึ่งเป็นที่ตั้งของ “CAMOSIBA” เมื่อเดินทางด้วยรถไฟขึ้นไปทางเหนือราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะถึงสถานีอาคิตะ สถานีที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอาคิตะซึ่งเป็นจุดจอดชินคันเซ็นด้วยค่ะ จากสถานีเดินไปอีกราว 20 นาทีก็จะพบกับ “ยามาคิอุมินามิโซโกะ” ซึ่งเปิดเมื่อปี 2019 เป็นศูนย์การค้าที่ถือกำเนิดขึ้นจากการนำโรงเก็บของของ “ยามาคิอุ” ผู้ผลิตมิโซะและโชยุมาดัดแปลง

ที่นี่มีร้าน 10 แห่งซึ่งเจ้าของเปิดขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตั้งเรียงรายอยู่ภายในอาคารที่มีเพดานสูงและสว่างไสวแห่งนี้ค่ะ

“NEED THE PLACE” ซึ่งตั้งอยู่ติดกับทางเข้าคือซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดแบบออร์แกนิคที่ไม่ใช้สารปรุงรสหรือสารแต่งสี นอกจากจะมีสินค้าของฝากตามแบบฉบับของอาคิตะ เช่น ผักดอง “อิบุริกัคโกะ” แล้ว ก็ยังมีของกินเล่นขนาดเล็กที่เดินไปกินไปได้ เช่น โคร็อกเกะ (มันฝรั่งทอดสไตล์ญี่ปุ่น) และไก่ทอด ทั้งยังมีเหล้าสาเกของ “สึจิดะชูโซ” ที่ใช้เพียงยีสต์และไม่ใช้สารปรุงแต่งอย่างอื่นเลยให้ชิมในราคา 200 เยน ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครขึ้นอยู่กับชนิดที่เลือกค่ะ

See the inormation
เดิน 10 นาที
5 ลิ้มลองอาหารพื้นบ้านที่ “ร้านอาหารอาคิตะ จาวังยะ”

“จาวังยะ” ตั้งอยู่ที่คาวาบาตะ ย่านการค้าอันดับหนึ่งของอาคิตะที่มีร้านอาหารตั้งเรียงรายมากมาย ที่นี่เป็นร้านอาหารพื้นบ้านที่เปิดเมื่อปี 1977 โดยคู่สามีภรรยาโทโยตะ ด้วยความต้องการที่ “อยากเปิดร้านที่มีอาหารอาคิตะอร่อยๆ กินกับเหล้าสาเก”

ภรรยากล่าวว่า “อาหารอร่อยจะขาดวัตถุดิบที่สดใหม่ไปไม่ได้เลย” เธอจึงขี่มอเตอร์ไซค์ 3 ล้อออกไปซื้อของทุกวัน โดยขับตระเวนไปเรื่อยๆ แม้จะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้วัตถุดิบที่พึงพอใจ เมนูดังของร้านได้แก่ “หม้อไฟคิริทัมโปะ” อาหารดังของอาคิตะนั่นเองค่ะ “คิริทัมโปะ” คือข้าวตำพันกับไม้แล้วนำไปย่าง จากนั้นจึงนำไปเคี่ยวกับผักและซุปโครงกระดูกที่ทำจากไก่ฮิไนจิโดริ

คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารในท้องถิ่นตามฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ผลิมีผักป่า ฤดูร้อนมีหอยนางรมญี่ปุ่นธรรมชาติ ฤดูใบไม้ร่วงมีเห็ด ฤดูหนาวมีปลาฮาตาฮาตะ อย่าพลาดมาลิ้มรสอาหารพื้นบ้านของอาคิตะคู่ไปกับการจิบเหล้าสาเกที่มีมากกว่า 30 ชนิดที่นี่กันค่ะ

See the inormation
นั่งแท็กซี่ประมาณ 30 นาที
6 สัมผัสประสบการณ์ความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมที่ “ฟาร์มสเตย์ จูมัตสึโนะอิเอะ”

“จูมัตสึโนะอิเอะ” คือที่พักซึ่งสองสามีภรรยา คุณชิเกฮิโระ ซาโต และคุณยูโกะ ซาโต ซึ่งเป็นเกษตรกรเริ่มเปิดกิจการเมื่อปี 2009 เพื่อให้บริการฟาร์มสเตย์ ซึ่ง “จูมัตสึ” คือชื่อบ้านเกษตรกรหลังนี้ที่เรียกกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ของคุณชิเกฮิโระ ลูกค้าของที่นี่ชื่นชอบข้าวที่หุงจากเตาฟืนแบบโบราณมากเพราะว่าอร่อย และเตาฟืนนี้ก็ตกทอดมาจากรุ่นปู่เช่นกันค่ะ

ที่จูมัตสึโนะอิเอะ นอกจากกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การดำนา เกี่ยวข้าว หรือการปลูกผักแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น เช่น การทำมิโซะ การตำโมจิ การทำคิริทัมโปะ คุณจะได้สัมผัสกับการทำงานด้วยมือตามฤดูกาลที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณในพื้นที่เพาะปลูกในท้องถิ่นแห่งนี้ค่ะ

วิถีชีวิตของคุณซาโตนั้นคือการผลิตสิ่งที่บริโภคเองเกือบทั้งหมด ข้าวกับผักปลูกเอง ขึ้นไปหาผักและเก็บเห็ดบนเขา ตกปลาในแม่น้ำเพื่อนำมาทาน อาหารที่นำมาบริการให้ผู้เข้าพักก็เป็นอาหารแบบเดียวกับอาหารประจำวันของคุณซาโต เราจึงอยากแนะนำให้คุณลองไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติที่จูมัตสึโนะอิเอะแห่งนี้กันสักครั้งค่ะ

See the inormation
นั่งแท็กซี่ประมาณ 30 นาที
7 ทานปลาสดใหม่ได้เท่าที่ต้องการที่ “ตลาดชาวเมืองอาคิตะ”

หลังจากผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่จูมัตสึโนะอิเอะแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราจะกลับมายังสถานีอาคิตะอีกครั้ง จากนั้นให้เดินอีกประมาณ 5 นาทีเพื่อไปที่ตลาดชาวเมืองอาคิตะ ที่นี่คือตลาดซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุดิบของอาคิตะอย่างอาหารทะเลสดๆ ผัก ข้าวสาร และมีคนในท้องถิ่นมาจับจ่ายอย่างคึกคักทุกวันค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นบ้านแบบดั้งเดิมให้ทานกันไม่ว่าจะเป็น “ฮาตาฮาตะซูชิ” ที่ทำจากปลาฮาตาฮาตะซึ่งเป็นปลาหมักดองจากที่จับได้ในทะเลของจังหวัดอาคิตะในช่วงฤดูหนาว หรือผักดองอย่าง “อิบุริกัคโกะ” ค่ะ

ของดังของที่นี่คือข้าวนคเคดง ซึ่งคุณสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบสดใหม่ที่ถูกใจได้จากร้านที่ร่วมมือกันอยู่ภายในตลาด โดยทางร้านจะใส่ให้บนข้าวเพื่อทำเป็นข้าวหน้าต่างๆ ค่ะ

วิธีทำนคเคดง : ไปรับถาด วาซาบิ โชยุ และตะเกียบจาก “ร้านเหล้าอิจิบะโนะสาเกยะ” (ฟรี) จากนั้นไปซื้อข้าวที่ “ตลาดโซไซอิจิบะ” (160 เยน) จากนั้นจึงไปตามร้านที่ร่วมมือกันในตลาด ซึ่งจะมีโคมสีฟ้าแขวนอยู่ค่ะ เลือกของที่ชอบมาใส่ลงบนข้าวโดยจ่ายเงินให้กับแต่ละร้าน เมื่อพอใจแล้วก็สามารถนำไปทานที่จุดพักในตลาดได้เลยค่ะ

See the inormation
รถไฟและรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
8 ร่วมสัมผัสพลังของยีสต์ที่ดีต่อร่างกายได้ที่ “ฮัคโคโคจิ ทายะ”

สิ่งสำคัญในการทำเหล้าสาเกก็คือ “ยีสต์” ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการหมัก ไซยะชูโซซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอาคิตะนี้ ได้ทำการผลิตสาเกโดยทำยีสต์ใช้เองมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ และ “ฮัคโคโคจิ ทายะ” คือร้านค้าและคาเฟ่ที่ไซยะชูโซเปิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 โดยนำบ้านโบราณที่มีโรงเก็บของมาดัดแปลง

ภายในร้านนอกจาก “ยูคิโนะโบฉะ” และเหล้าหวาน (ซอฟต์ดริงก์รสหวานที่ทำจากข้าวหมัก) ของไซยะชูโซแล้ว ที่นี่ยังมีสินค้าอื่นจำหน่ายด้วย เช่น ผักดองที่ทำจากกากสาเกที่ได้จากการผลิตเหล้าสาเก ในคาเฟ่มีบริการขนมปังโฮมเมดอบใหม่ที่ใช้น้ำซึ่งใช้ในการหมักเหล้าสาเก ไก่ย่างที่เปี่ยมไปด้วยรสอูมามิหรือความกลมกล่อมโดยการใช้เกลือโคจิในการปรุงรส ฉะนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดมาเอร็ดอร่อยไปกับอาหารหมักดองที่ดีต่อร่างกายได้ที่นี่ค่ะ

See the inormation
โมโตะยุ ยูซันคาคุ
9 แวะมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยออนเซ็นและอาหารที่ “โมโตยุ ยูซันคาคุ”

“โมโตยุ ยูซันคาคุ” ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงของคาบสมุทรโอกะทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาคิตะ เป็นโรงแรมออนเซ็นที่มีวิวทะเลญี่ปุ่นอันงดงามให้เราได้ชมค่ะ น้ำร้อนของที่นี่มีลักษณะเด่นคือจะเปลี่ยนสีได้ระหว่างน้ำตาลขุ่น เขียว และขาว ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและอุณหภูมิ ทั้งยังให้สัมผัสผิวที่อ่อนโยนและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นจากภายในเลยค่ะ

หลังผ่อนคลายความเหนื่อยล้าตลอดวันในออนเซ็นแล้ว เราจะไปอิ่มอร่อยกับ “อาหารปรุงด้วยหินร้อน” ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของโอกะกันค่ะ อาหารที่ว่านี้ได้แนวทางมาจากอาหารของชาวประมงในยุคโบราณที่สืบทอดกันมา จัดเป็นหม้อไฟชนิดหนึ่ง ซึ่งจะมีการนำหินที่เผาไฟจนร้อนมาใส่ลงไปในถังไม้ที่มีอาหารทะเลสดๆ กับซุปเพื่อให้เดือดต่อหน้าลูกค้า ในตอนที่หย่อนก้อนหินลงไปแล้วเกิดเสียงฉู่ฉ่าพร้อมกับควันที่ลอยขึ้นมานั้นน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยล่ะค่ะ

ในฤดูหนาว ถ้าต้องการสามารถสั่ง “หม้อไฟชทสึรุ” มาเพิ่มได้ ชทสึรุทคือ โชยุที่เต็มไปด้วยรสอูมามิเพราะทำจากปลาฮาตาฮาตะหมักจนได้ที่และเครื่องปรุงตามแบบดั้งเดิมของอาคิตะ หม้อไฟที่ปรุงรสด้วยชทสึรุแล้วใส่เครื่องต่างๆ เช่น ปลาฮาตาฮาตะ เห็ด และต้นหอม คือเมนูที่จะทำให้คุณได้สัมผัสความอร่อยจากปลาได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

See the inormation

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของอากิตะ


วิธีไป